
ในปี 2567 ที่ผ่านมา สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและสถานการณ์ด้านพลังงานยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่องจากหลายปัจจัย ทั้งด้านความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ มาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจหลัก นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของธนาคารกลาง ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชียและประเทศไทยโดยรวม อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ยังคงมีการขยายตัวเล็กน้อยจากการลงทุนของภาครัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ส่งผลให้มีการขยายตัวของการบริโภคภาคเอกชน การขนส่ง และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
ท่ามกลางความท้าทายของสถานการณ์ดังกล่าว บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน) ("บริษัท") ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน ธุรกิจจัดหาและบริการ เพื่อให้องค์กรมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บรรลุเป้าหมายตามที่วางไว้ขับเคลื่อนองค์กรเพื่อความยั่งยืน สร้างความสมดุลตลอดห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG) คณะกรรมการและผู้บริหาร ได้มีการติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงต่างๆ อย่างใกล้ชิด มีการปรับกลยุทธ์ด้านการลงทุน และดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวังรอบคอบ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทซีออยล์ ในปี 2567 มีกำไรสุทธิรวม 357 ล้านบาท รายได้จากการขาย บริการและการให้เช่ารวม 17,499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% และ 26% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงรักษาฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และสามารถคงอัตราการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในระดับสูงกว่านโยบายที่กำหนดไว้
คณะกรรมการบริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืนเพื่อเข้าสู่ดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตลอดจนการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีลดการปล่อยคาร์บอนมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ
โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับพันธมิตรในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมขนส่งทางทะเลสู่ความยั่งยืน นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ บริษัทฯ ยังได้รับผลประเมินการกำกับดูแลกิจการที่ดีในระดับ 5 ดาว "ดีเลิศ" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย ผ่านการต่ออายุการรับรองครั้งที่ 1 ของการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (CAC)และได้รับเหรียญประกาศเกียรติคุณ จรรยาบรรณดีเด่น หอการค้าไทย (TCC) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสและมีจริยธรรมสอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาล
สุดท้ายนี้ ในนามของบริษัทฯ ผมและคณะกรรมการบริษัท ขอขอบคุณท่านผู้ถือหุ้น คู่ค้า สถาบันการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมารวมทั้งขอขอบคุณคณะผู้บริหารและพนักงานทุกท่าน ที่ร่วมมือ ร่วมใจ ทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายเป็นผลสำเร็จร่วมกัน และขอให้เชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหุ้น และดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนต่อไป